ศิลปะการตกแต่งที่มีความวิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนบานประตูหน้าต่างของพระอุโบสถวิหารหรือพระบรมมหาราชวัง รวมถึงบนภาชนะเครื่องใช้ของพระสงฆ์ เช่น ตู้ พระมาลัย ธรรมาสน์ ตะลุ่ม พานแว่นฟ้า กล่องใส่หมากพลู เป็นต้น โดยมีลวดลายประดับตกแต่งจำพวกลายกนก ลายกระจัง และลายก้านขด หรือแม้แต่เขียนเป็นภาพกินรี ราชสีห์ คชสีห์ ประกอบตามส่วนต่าง ๆ อาทิ อนึ่งงานช่างนี้เป็นงานประณีต มีความละเอียดอ่อนและใช้ฝีมือเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้เป็นงานที่สิ้นเปลืองเวลาและมีราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้นงานช่างประดับมุกจึงไม่ค่อยมีผู้สนใจมาเรียนรู้มากนักจะมีก็แต่ช่างผู้มีใจรักจริงๆ เท่านั้น ปัจจุบันถึงแม้จะมีผู้เห็นคุณค่าได้ลงมือทำงานช่างประดับมุกอย่างจริงจังเป็นล่ำเป็นสัน แต่ทว่าฝีมือไม่อาจเทียบเคียงกับผลงานในอดีตได้
งานช่างประดับมุกถือว่าเป็นของใช้ชั้นสูงเพื่อเชิดชูความมีตำแหน่งฐานะ ในอดีตจะใช้กันในแวดวงจำกัดของสถาบันกษัตริย์ชนชั้นสูง และหมู่สงฆ์ทั้งหลายเท่านั้น จึงทำให้งานช่างประเภทนี้ไม่แพร่หลาย อีกทั้งเป็นงานช่างที่ต้องอาศัยฝีมือความละเอียดรอบคอบความมุมานะพยายามเป็นอย่างสูง เพราะว่าลวดลายต่างๆ ของลายประดับมุกมีความละเอียด ช่างประดับมุกต้องอาศัยความสามารถความชำนาญในการสร้างแม่ลายให้เข้ากับสีที่จะประดับมุก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะหรือบนบานประตูหน้าต่างไปจนถึงโต๊ะเตียงก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นภาชนะมีเหลี่ยมมุมโค้งเว้าด้วยแล้วการสร้างลายและการประดับมุกไปตามส่วนนั้นๆ ก็ยิ่งทำได้ยาก อย่างไรช่างไทยก็ได้สร้างศิลปหัตถกรรมหรือผลงานประณีตศิลป์ขั้นสูงได้มาก มีหลักฐานปรากฏตามวัดวาอาราม หรือในพระบรมมหาราชวังมากมาย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่งานช่างประดับมุก ณ สถานที่นั้นขาดการดูแลเอาใจใส่ ดูแลรักษาจึงทำให้ลวดลายของมุกที่ประดับไว้จากที่เคยงดงามมาแต่อดีตดูคร่ำมัวลงไป จนบางแห่งเลอะเลือนจนเกือบมองไม่เห็นลวดลายที่มีคุณค่าเหล่านั้น
งานช่างฝีมือประดับมุก มีประวัติความเป็นมาอย่างไรยังไม่ทราบหลักฐานแน่ชัดเพราะไม่เคยมีหลักฐานหรือจารึกใดๆ เลยว่าชนชาติไทยเริ่มคิดค้นประดิษฐ์งานมุกได้เมื่อไหร่ หรือได้รับอิทธิพลจากชาติใด อย่างเช่น จีน เวียดนาม หรือญี่ปุ่น ซึ่งก็มีการนำเปลือกหอยมุกมาใช้ประโยชน์ในงานศิลปกรรมเหมือนกับไทย แต่วิธีการประดับและลวดลายนั้นแตกต่างจากไทยโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามจากหลักฐานทางโบราณคดีของการนำเปลือกหอยมาประดับตกแต่งเป็นลวดลายที่เก่าที่สุด พบว่าสมัยทวารวดีมีการใช้มุกประดับเป็นลวดลายการตกแต่งอยู่บนปูนปั้นบนโบราณสถานที่ตำบลคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี มีอายุประมาณศตวรรษที่ ๑๒ นับได้ว่าเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุด สมัยเชียงแสนลงมาก็มีการฝังมุกที่พระเนตรของพระพุทธรูปกระทั่งถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงพบงานช่างประดับมุกชนิดใช้รักเป็นตัวเชื่อมเช่นปัจจุบัน มีหลักฐานเก่าแก่ที่สุดคือ ตู้พระไตรปิฏกประดับมุกอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร